หลักสูตร "กลยุทธ์สู่ความสุขและความสำเร็จ"

หลักสูตร "กลยุทธ์สู่ความสุขและความสำเร็จ"

ได้พัฒนาขึ้นโดยอาศัยศาสตร์ต่าง ๆ ที่ได้รับการยืนยันแล้วว่ามีประโยชน์ต่อการพัฒนาเพิ่มศักยภาพบุคคล และเสริมสร้างความแข็งแรงสมบูรณ์ของร่างกายและจิตใจ หากผู้เข้ารับการอบรมได้นำความรู้ไปปฏิบัติเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ย่อมได้รับประโยชน์สูงสุดอย่างแน่นอน

เป็นที่ทราบกันดีว่า จิตคุมกายหรือนามคุมรูป  ดังนั้นหลักสูตรนี้จึงให้ความสำคัญเกี่ยวกับการฝึกสติ  ฝึกสมาธิ ฝึกการผ่อนคลายจิต และกาย เพื่อเพิ่มพลังจิตหรือการรวมจิตเป็นหนึ่ง อย่างง่าย ๆ โดยใช่้ขบวนการดังต่อไปนี้ 

หลักสูตร
 “กลยุทธ์สู่ความสุขและความสำเร็จ” ได้พัฒนาขึ้นโดยอาศัยศาสตร์ต่าง ๆ ที่ได้รับการยืนยันแล้วว่ามีประโยชน์ต่อการพัฒนาเพิ่มศักยภาพบุคคล และเสริมสร้างความแข็งแรงสมบูรณ์ของร่างกายและจิตใจ หากผู้เข้ารับการอบรมได้นำความรู้ไปปฏิบัติเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ย่อมได้รับประโยชน์สูงสุดอย่างแน่นอน
เป็นที่ทราบกันดีว่า จิตคุมกายหรือนามคุมรูป  ดังนั้นหลักสูตรนี้จึงให้ความสำคัญเกี่ยวกับการฝึกสติ  ฝึกสมาธิ ฝึกการผ่อนคลายจิต และกาย เพื่อเพิ่มพลังจิตหรือการรวมจิตเป็นหนึ่ง อย่างง่าย ๆ โดยใช่้ขบวนการดังต่อไปนี้
1. AUTOGENIC TRAINING
(การฝึกปรับคลื่นสมองเป็นอัลฟ่าด้วยตัวเอง) เป็นขบวนการฝึกจิต ซึ่ง Dr.Schultz จิตแพทย์ที่มีชื่อเสียงในยุโรปได้พัฒนาขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1932 เพื่อแก้ไขปัญหาโรคทางกายที่สืบเนื่องมาจากอาการทางจิต โดยใช้แก้ไขปัญาหาเรื่องนอนไม่หลับ ท้องผูก  ความดันเลือดสูง โรคภูมิแพ้ ลดความอ้วน  ความจำร่างกายอ่อนแอ และสิ่งเสพติด เช่น เหล้า บุหรี่ ฯลฯ รวมทั้งช่วย ปรับสมดุล เช่น ใจร้อน เฉื่อยชา ขี้เกียจ ขาดสติ ขาดความเชื่อมั่น สมาธิสั้น   นอกจากนั้นจะค้นพบตัวเองในแง่มุมอื่น ๆ การฝึกเวลาอันสั้นหากนำไปปฏิบัติต่อเนื่อง วันละ 2 – 3 ครั้งโดยใช้เวลาเพียง 5 – 10 นาที จะสามาถเห็นผลได้ในเวลาเพียง 2 – 3 อาทิตย์
2. MEDITATION หรือการฝึกสมาธิเพื่อให้จิตรวมตัว โดยมุ่ง ณ จุดใดจุดหนึ่ง เพื่อความสงบจิตให้มีความ    มุ่งมั่นเปรียบเสมือนด้วยเลนส์วัดแสงให้เป็นจุดเดียวกัน แนวทางในการฝึกสมาธิหลายรูปแบบ สถาบัน ฯ ได้พิจารณาเห็นแล้วว่าวิธีการรู้ลมหายใจ MEDITATION เป็นวิธีหนึ่งที่ดีและสามารถ ฝึกปฏิบัติได้ง่ายจึงนำมาใช้ในหลักสูตรนี้ 3. NEUROLINGUISTICS PROGRAMMING ความจำฝังใจเรื่องที่เคยทำผิดพลาดคนส่วนใหญ่มักจดจำ   ทั้ง ๆ ที่อยากลืม ในส่วนสำคัญของหลักสูตรนี้จะขาดเสียไม่ได้ คือ ปรับเปลี่ยนแนวคิดทัศนคติในการดำรงชีวิตที่เหมาะสม การพัฒนาศักยภาพของมนุษย์เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การค้นพบพลังอันยิ่งใหญ่  ที่สุด คือการดึงพลังความมุ่งมั่น หรือพลังจิตสำนึกที่มีอยู่ในตัวเรามาใช้ให้เป็นประโยชน์ในการสร้างสรรค์พัฒนาชีวิต สู่ความสุข และความสำเร็จเพื่อความเจริญแห่งชีวิตตน พร้อมมอบสู่สังคมและประเทศชาติต่อไปโดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของทัศนคติ และจริยธรรมอันดีงาม
เนื้อหาหลักสูตร

หลักสูตรนี้ประกอบด้วยการบรรยายเกี่ยวกับโครงสร้างของจิตและกาย   การทำงานของจิตสำนึก จิตใต้สำนึก และจิตเหนือสำนึก การทำงานประสานกันระหว่างสมอง จิตและกาย โดยความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับศาสตร์ต่าง ๆ เพื่อนำพลังมาใช้ในชีวิตประจำวันให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งสุขภาพ สติสัมปชัญญะและอื่น ๆ นอกจากนี้จะเน้นในภาคปฏิบัติเพื่อให้ท่านได้นำไปใช้ประโยชน์ได้จริง

ประโยชน์ที่ท่านจะได้รับจากการฝึกอบรมคือ

เรียนรู้ และปฏิบัติฝึกจิตแบบ AUTOGENIC TRAINING
สร้างพลังแห่งความเชื่อมั่นตนเอง และแก้นิสัยที่ไม่พึงประสงค์
เสริมสร้างความจำ สติ สมาธิ ที่ดีเยี่ยม
เสริมสร้างสุขภาพ โดยการพัฒนากายทิพย์ (AURA HEALING)
เสริมสร้างทัศนคติในเชิงบวกเพื่อสุขภาพที่ดีทั้งกายและจิตใจ
พัฒนาการทำสมาธิให้มีจิตรวมตัว เพื่อความสงบให้มุ่งมั่นเพิ่มขึ้น
สร้างแนวคิดพัฒนาความสำเร็จหลายด้านของชีวิต
เพิ่มศักยภาพความแข็งแรงของร่างกาย
การแก้ไขปัญหาโรคทางกายสืบเนื่องมาจากอาการทางจิต เช่น อาการกลัวต่าง ๆ โรคภูมิแพ้ นอนไม่หลับ ความอ้วน ฯลฯ

ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ แต่สุขภาพจิต กาย แข็งแรงสมบูรณ์ และมีความเป็นอยู่ที่ดี ย่อมประเสริฐกว่าการลงทุนที่ไม่มีการขาดทุน คือการลงทุนให้กับการศึกษาหาความรู้  

 สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ของใหม่เลย แต่จะทำอย่างไรจึงพัฒนา และปลูกฝังให้เกิดขึ้นในตัวของท่าน ท่านพร้อมหรือยังที่จะมาร่วมเรียนรู้เทคนิค และวิธีการในการดึงพลังจิตใต้สำนึกอันยิ่งใหญ่ของท่านออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ เพื่อเพิ่มเติมความสุขความสำเร็จให้กับตนเอง ส่งต่อให้กับครอบครัว สังคม และประเทศชาติ
โดยการเข้าร่วมอบรม หลักสูตร “กลยุทธ์สู่ความสุขและความสำเร็จ” สถาบัน ฯ มีความภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้รับความร่วมมือ จากท่านวิทยากรที่มีชื่อเสียงระดับประเทศพร้อมด้วยประสบการณ์มากกว่า 10 ปี
ประธานสถาบัน ฯ
1. รศ.ดร.นพ. กำพล ศรีวัฒนกุล  แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการลดน้ำหนัก และโภชนาการบำบัด อีกทั้งประสบการณ์ในการศึกษาวิจัยเรื่องการทำงานของสมอง PARAPSYCHOLOGY
2. ดร.ณัฐกร ทับทอง ผู้เชี่ยวชาญในการบรรยายการทำงานของจิตในเชิงวิทยาศาสตร์ จิตสำนึกและจิตใต้สำนึก
3. อาจารย์ ภญ. ปรียาภรณ์ ภู่ทอง วิทยากรประจำสถาบันฯ ผู้เชี่ยวชาญในการฝึกปฏิบัติ AUTOGENIC TRAINING

พลังปราณ ออร่า และจักระ

นอกเหนือจากการทำงานโดยอาศัยสมองเป็นตัวควบคุม และมีการเปลี่ยนแปลงของคลื่นสมองเป็นช่วงๆ ในแต่ละวันแล้ว การศึกษาวิจัยทางด้านปรจิตวิทยา พบว่ามนุษย์และสิ่งมีชีวิต จะมีพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ปรากฏเป็นแสงสีรอบๆ ตัวเรียกว่าออร่า (AURA) พลังงานนี้จะมีความสัมพันธ์กับภาวะทางกายภาพ จิตใจอารมณ์ หรือจิตวิญญาณของมนุษย์แต่ละคน ออร่าจะเป็นภาพรวมของผลเหล่านี้ และจะมีพลังงานเป็นแรงสั่นสะเทือนหรือเป็นแสงสีต่างๆ ในส่วนที่ติดกับร่างกายของมนุษย์อาจเรียกว่าได้ว่าเป็นกายทิพย์ Physical body กายทิพย์ประกอบด้วยพลังงานของจิต ซึ่งกายหยาบคงสภาพและยึดเกาะเอาไว้ กายทิพย์ประกอบด้วยโครงสร้างซึ่งย่อยดูดซับพลังงานที่มีความถี่สูง หลากหลายมากรวมทั้งพลังชีวิต ที่เรียกว่าพลังปราณกายทิพย์จะทำหน้าที่กลั่นกรอง แยกแยะ และส่งผ่าน

พลังงานเหล่านี้เข้าสู่กายหยาบ พลังชีวิตที่เรียกว่าพลังปราณ มีรากฐานจากความเชื่อของอินเดีย และจีนเรียกพลังงานนี้ว่า พลังชี่ chi ในศาสตร์ต่างๆ ของอินเดียยังเชื่อมโยงพลังออร่ากับจักระ (auras and charkas) จักระจะมีสัญลักษณ์เป็นสีตามรูปแบบของแสงออร่าจักระเป็นศูนย์รวมพลังงานของร่างกายมนุษย์ ศูนย์เหล่านี้จะยอมให้พลังงานผ่านเข้าออกมีกลไกที่ควบคุมการไหลเวียนของพลังงาน

 

การถ่ายภาพออร่า

จักระมีด้วยกันทั้งหมด 7 จักระ ได้แก่

1. basal หรือ root chakra
ตั้งอยู่บริเวณส่วยปลายของกระดูกไขสันหลัง ที่เรียกกันว่าก้นกบ จักระนี้จะเกี่ยวข้องกับสัญชาติญาณพื้นฐาน และการทำงานของร่างกายที่เป็นรูปธรรม สี ประจำจักระนี้ คือ สีแดง หรือ สีชมพูเข้ม
2. sacral chakra
ซึ่งอยู่ในตำแหน่งต่ำกว่าสะดือเล็กน้อยเป็นศูนย์รวมพลังงานเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารตอนล่างการมีเพศสัมพันธ์ การเจริญพันธ์ อารมณ์พื้นฐาน ความคิดสร้างสรรค์ สี ประจำจักระคือ สีแสด
3. solar plexus
อยู่ตรงบริเวณตำแหน่งลิ้นปี่ เกี่ยวข้องกับเชาว์ปัญญา การทำงานของระบบกระเพาะอาหาร และระบบทางเดินอาหารส่วนบน สีประจำจักระคือ สีเหลือง จักระที่ 2-3 จะถูกกระทบกระเทือนได้ง่ายจากพลังงานที่เป็นลบ เช่น ความวิตกกังวลและความกลัวซึ่งทำให้สามารถอธิบายการเชื่อมโยงระหว่างจิตใจกับอารมณ์ได้และกำลังทางร่างกายมีจุดกำเนิดจากจักระทั้งสองนี้
4. heart chakra
ตั้งอยู่บริเวณหัวใจและควบคุมการทำงานของหัวใจต่อมไทมัส ปอด และระบบการไหลเวียนของเลือด มีความเกี่ยวข้องกับอารมณ์ เช่นความรัก ความเห็นอกเห็นใจและความประทับใจ สีประจำจักระคือ สีเขียว จักระเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงระหว่างร่างกายและวิญญาณและเป็นจุดที่พลังงานทั้งหมดของร่างกายและจิตไหลผ่าน การส่งพลังจากจิตลงมาด้านล่างของร่างกายอาจถูกขัดขวาง ทำให้จักระ 1, 2 และ 3 ไม่ถูกกระตุ้น
5. throat charkra
ตั้งอยู่บริเวณคอหอยมีอิทธิพลต่อการทำงาน อวัยวะในช่องทรวงอกด้านบน ลำคอ และปอด รวมทั้งต่อมไทรอยด์ เกี่ยวกับการแสดงออก ความคิดสร้างสรรค์ การสื่อสารในรูปแบบ สีประจำจักระนี้คือ สีน้ำเงิน
6. brow chakra
ตั้งอยู่บริเวณหัวคิ้วซึ่งมักจะถูกเรียกว่าตาที่สาม เกี่ยวข้องกับสติเชาว์ปัญญาและการรับรู้ความรู้สึก สีประจำจักระคือ สีครามหรือสีน้ำเงินเข้ม
7. crown chakra
ตั้งอยู่บริเวณกระหม่อมศีรษะ ทำหน้าเชื่อมโยงกับจิตใจระดับสูง และสัมผัสกับจิตวิญญาณ สีประจำจักระคือ สีม่วง